ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การรักษาสิว ลดริ้วรอยด้วย แอปเปิ้ลเขียว








ปัญหาผิวอย่างเรื่องสิวๆ นอกจากจะเป็นแล้ว ยังทิ้งร่องรอยสิว จุดด่างดำให้กวนใจสาวๆกันอีก ทำสูตรรักษารอยสิวด้วยผลไม้ปลอดภัย 

สิวเป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงแต่ละคนอาจจะเกิดขึ้นได้ และแตกต่างกันในระยะเวลาการรักษาสิว แต่ปัญหาอย่างหนึ่งคือเมื่อสิวหายแล้ว แผลเป็นรอยดำจากสิวนี่มันทำให้สาว ๆ อย่างเราเสียความมั่นใจไปได้จริง ๆ เลยว่าไหมคะ เพราะเมื่อมีจุดด่างดำ หรือรอบแผลเป็นมักจะทำให้หน้าใสของคุณผู้หญิงผิวไม่เนียนเรียบ มีปัญหาในการแต่งหน้า และรอยด่าง ๆ ดำ ๆ จะจางหาย ก็ใช้เวลานานแสนนาน จนทำให้เกิดความรำคาญใจ ถึงกับบางคนต้องเสียเงินเยอะเพื่อไปทำเลเซอร์หรือศัลยกรรม
แต่วันนี้ 108Health รักษาสิวด้วยวิธีง่ายๆ กันค่ะ เพราะสูตรการรักษารอยสิวมีหลากหลายวิธี แต่เราของเลือกวิธีธรรมชาติเพราะเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ถึงแม้จะเป็นผิวแพ้ง่าย เรามีเคล็ดลับดี ๆ วิธีโดน ๆ ในการรักษารอยสิวให้จางหายแบบง่าย ๆ มาฝาก ลองมาทำสูตรรักษาสิวด้วยผลไม้แสนโปรดอย่างแอ๊ปเปิ้ลเขียวกันคะ
สูตรรักษารอยสิว ด้วยแอปเปิ้ลเขียว
วิธีทำ
ก่อนอื่นคุณต้องล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นซับหน้าให้แห้ง
ใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียว 1 ผล (ปอกเปลือกก่อนนะคะ) ปั่นให้ละเอียดจนมีลักษณะเป็นเนื้อครีม
นำมาทาให้ทั่วใบหน้า นวดเน้นเบา ๆ บริเวณที่เป็นรอยแผลที่เกิดจากสิว
ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง 
สูตรนี้คุณสาว ๆ สามารถทำได้ทุกวัน หรือจะทำวันเว้นวันก็ได้ ไม่นานรอยสิวของคุณก็จะค่อย ๆ จางลง แถมยังช่วยบำรุงผิวของคุณให้สดใสชุ่มชื่นได้

การรักษาสิวด้วยน้ำผึ้ง




วิธีรักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติแบบนี้หลายคนคงชอบเพราะรักษาสิวได้แถมอร่อยอีกต่างหาก น้ำผึ้งถูกนำมาใช้ในเครื่องสำอางกันมายาวนานและแพร่หลาย แต่หลายๆคนอาจยังไม่รู้ว่ามันมีสรรพคุณในการช่วยกำจัดสิวได้
ดูแลความงามและจัดการกับสิวด้วยน้ำผึ้ง
หากคุณไม่สามารถใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่สปาได้ คุณก็ยังสามารถดูแลผิวได้
น้ำผึ้งตามธรรมชาตินั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ตั้งแต่สมัยที่พระนางคลีโอพัตรา และยังคงใช้กันจนถึงปัจจุบันทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นโฮมเมดและอุตสาหกรรม สำหรับผิวและผม น้ำผึ้งนั้นเป็นตัวให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งสามารถดูดซับและกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงใต้ผิวได้ ความสามารถในการคงความชุ่มชื้นนั้นเป็นปัจจัยสำคัญของผิวนุ่ม ยืดหยุ่น และเต่งตึง เมื่ออายุผิวมากขึ้น หรือเมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมและสารเคมี ก็จะทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ทำให้ผิวแห้งและทำให้เกิดริ้วรอย ประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้นสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นได้ สามารถใช้ผสมกับเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย
จากการศึกษาพบว่าน้ำผึ้งนั้นเป็นสารธรรมชาติที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ โดยการปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี และช่วยปรับผิวให้กลับสู่สภาพปกติ ช่วยให้ผิวต้านรังสียูวีได้มากขึ้น (รังสียูวีจะทำให้ผิวถูกทำลาย ผิวแก่ก่อนวัย และอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง)
สมาคมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และน้ำหอม ได้รายงานว่าเนื่องจากสารเคมีที่ใช้เป็นตัวป้องกันแสงแดดอาจทำให้เกิดการระคายเคือง บริษัทต่าง ๆ ได้มีการวิจัย การต้านอนุมูลอิสระ, การป้องกันระคายเคือง และการบำรุงของผลิตภัณฑ์กันแดด น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้
เอกสารบทวิจารณ์ผลที่ได้จากน้ำผึ้งที่ป้องกันจุลินทรีย์ ซึ่งช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรคและช่วยในการรักษาสิวที่มีอาการไม่รุนแรง และยังแตกต่างจากการรักษาสิวหลายวิธี ตรงที่น้ำผึ้งไม่ทำให้ผิวแห้ง เป็นตัวป้องกันจุลินทรีย์ที่มีความหวานสูงซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย  จึงทำให้สามารถจำกัดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
น้ำผึ้งมีค่าความเป็นกรดสูง (ค่าพีเอชต่ำ) มีปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนอันจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และสามารถต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียด้วย
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีน้ำผึ้งได้มีการวิจัยเพื่อพัฒนากระบวนการใช้น้ำผึ้งเพื่อทำงานร่วมกับ AHA ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของครีมบำรุงผิว เพราะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว การผลัดเซลล์ผิวนั้นไม่ได้ช่วยป้องกันการเกิดสิวอย่างเดียวยังช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้น ดูมีชีวิตชีวาและแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น

สูตรการใช้น้ำผึ้งรักษาสิว (สำหรับสิวที่ไม่รุนแรง)
-ใช้น้ำอุ่น ½ ถ้วย ผสมกับเกลือ ¼ ช้อนชา
-ใช้ไม้พันสำลีป้ายน้ำเกลือทาลงที่เป็นสิว
-ทิ้งสำลีที่เปียกน้ำเกลือไว้บริเวณที่เป็นสิวสัก 5-10 นาที เพื่อทำให้ผิวบริเวณนั้นอ่อนนุ่ม
-ใช้สำลีเช็ดให้แห้ง
-ป้ายน้ำผึ้งลงบนบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก และเช็ดให้แห้ง
 ถ้าเห็นว่าบทความนี้ประโยชน์และนำไปใช้ในเวบหรือ blog ส่วนตัวกรุณาทำลิงค์มาที่เราด้วยนะครับ
Reference
- pioneerthinking
เรียบเรียงและแปลโดย Acnethai.com



ลักษณะน้ำผึ้งที่ดี ควรมีลักษณะข้นหนืด ซึ่งแสดงว่ามีน้ำน้อย มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง และดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มา ไม่มีฟองอันเนื่องมาจากการบูด สะอาดไม่มีไขผึ้งหรือตัวผึ้งปน ใส มีสีเหลืองอ่อน ๆ ถึงสีน้ำตาล สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการรับประทานน้ำผึ้ง สามารถพิสูจน์ได้ง่าย ๆ จากการดูลักษณะ ดมกลิ่น และชิม แต่ถ้าไม่คุ้นเคยก็เป็นการยาก นอกจากจะใช้การวินิจฉัย โดยการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการ


การผลิตน้ำหวานของพืชจะขึ้นกับ ขบวนการสังเคราะห์แสง การขนส่งน้ำตาล การหายใจ และการเจริญเติบโตในพืช น้ำตาลที่จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำหวาน จะถูกเก็บในใบไม้ใกล้ ๆ ต่อมน้ำหวาน ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเมื่อสภาพแวดล้อม เปลี่ยนไป เช่น ความชื้นสัมพันธ์ ความเข้มของแสง อุณหภูมิ ความชื้นในดิน และการเกิดผลของต้นไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ การสร้างน้ำหวาน ยังแตกต่างไปในแต่ละชนิดของดอกไม้ อายุของดอกไม้ และช่วงเวลาในแต่ละวันด้วย ดอกไม้บางชนิดจะมีน้ำหวานเฉพาะในเวลาเช้า หรือในเวลาบ่าย แต่อีกชนิดอาจจะผลิตน้ำหวานได้ตลอดวัน 
น้ำหวานจะประกอบไปด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ รวมทั้งสารประกอบของไนโตรเจน วิตามิน และรงควัตถุของพืช สำหรับน้ำตาลนั้นจะมีปริมาณตั้งแต่ ๕%-๘๐% ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นส่วนผสมของน้ำตาลกลูโคสและฟรุคโตส 
เมื่อดอกไม้ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของผึ้งแตกต่างออกไป ดังนั้น น้ำผึ้งที่ได้จึงมีกลิ่น รสชาติ และสีสันแตกต่างกันออกไปด้วย เช่น น้ำผึ้งที่ได้จากดอกลำไยจะมีสีเข้ม กว่าน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลิ้นจี่ ดอกเงาะ ดอกทุเรียน ดอกนุ่น หรือจากใบยางพารา เป็นต้น 
นอกเหนือจากความแตกต่างในเรื่อง รส กลิ่น และสีของน้ำผึ้งแล้ว น้ำผึ้งจากดอกไม้ต่างชนิดกัน ยังมี องค์ประกอบของน้ำตาลแตกต่างกันไปด้วย เช่น สัดส่วนของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุคโตส ไม่เท่ากัน ฉะนั้น น้ำผึ้งที่มาจากแหล่งต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น สี กลิ่น รส หรือคุณสมบัติในการตกผลึก เราอาจจะพบว่า ผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงผึ้งในสวนยางพารา สามารถตกผลึกได้ทั้งหมด เมื่อนำไปแช่ในตู้เย็นหลายชั่วโมง ในขณะที่ น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ตกผลึกได้น้อยกว่า หรือน้ำผึ้งจากลำใย และนุ่น ไม่ค่อยตกผลึกเลยในสภาพเดียวกัน เป็นต้น

การรักษาสิวด้วยมะนาว


รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ 
น้ำมะนาว รักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติ ... หาได้จากตู้เย็นในครัวที่บ้าน 
ใช้น้ำมะนาวเพื่อบรรเทา / รักษาสิว เป็นวิธีธรรมชาติในการรักษาสิวที่ง่ายและปลอดภัย 
สามารถใช้ได้ทั้งทาบนผิวและดื่ม ทั้งสองวิธีจะช่วยลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นทั้งภายนอกและภายใน  
ได้มีทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้ว (ทาโดยตรงบนผิวหน้า และดื่ม) และพบว่าภายใน 3 สัปดาห์ สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าการผสมน้ำมะนาวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน จะช่วยให้ผลเร็วขึ้น 
ทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิว 
น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สดใสด้วย 
สูตรน้ำมะนาว / วิธีใช้ 
    1.ล้างหน้าให้สะอาด 
    2.บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป 
    3.ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง 
    4.ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ) 
    5.หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น  
วิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล  
ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิว 
สามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ดื่มง่าย และทำได้ง่าย 
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ : 
-ขจัดกรดต่าง ๆ ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม) 
-บรรเทาอาการท้องผูก 
-ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิตริก และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด 
-ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร 
-กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อน 
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1 
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว 
2.เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์) 
3.ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน 
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2 
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์) 
2.ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า 
3.หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย

สิว


สิว (อังกฤษacne vulgaris หรือ cystic acne) คือตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน ขึ้นตามหน้า เกิดขึ้นเพราะผิวหนังมีการอุดตันอยู่ใต้รูขุมขนจากหัวสิว โคมิโดน (Comedone) ซึ่งสามารถอักเสบได้ง่ายหากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย หรือ ฝุ่นละอองในอากาศ และแบ่งได้อีก

สาเหตุ

สาเหตุของสิว มีหลายสาเหตุ เป็นที่ถกเถียงกันว่า สิวเกิดจากอะไร สาเหตุหลัก ๆ แบ่งได้ 2 ปัจจัยดังนี้
  • ปัจจัยภายใน คือ ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ฮอร์โมนกรรมพันธุ์, โรคเรื้อรัง และ ผิวพรรณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเราตั้งแต่กำเนิด
  • ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยาเครื่องสำอาง, สภาพแวดล้อม, สังคม, แสงแดดและอุณหภูมิ ความสะอาด และ อาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้

กระบวนการเกิดสิว

สิวมักเกิดบริเวณSeborrhic area ซึ่งผิวหนังบริเวณนั้นมีPilosebaceous unit ชนิด Sebaceous follicle,เป็น follicleที่ประกอบไปด้วย small villus hair และ large multiacina sebaceous gland เมื่อมีการกระตุ้นSebaceous glandมากเกินพอดีจะสร้างไขมัน(Sebum) มามากขึ้น Sebumนี้ประกอบด้วย triglyceride,ester,waxและสารอื่นๆ หากSebumถูกผลิตมากจะระบายsebumออกทางรูขุมขนไม่ทัน และค้างในfollicle ,sebumจะกระตุ้นให้Keratinocyteสร้างkeratinมามากขึ้น และจับตัวกันแน่นผิดปรกติเกิดเป็นสิวอุดตัน(Comidone)
ต่อมาการอุดตันนั้นทำให้เกิดสภาพไร้ออกซิเจนในรูขุมขน แบคทีเรีย P.acne จะเจริญเติบโตได้ดีและย่อยสลายไขมันเป็นสารที่มีความสามารถrecruitเม็ดเลือดขาวมาที่บริเวณนั้นและก่อให้เกิดการอักเสบตามมา จึงเกิดเป็นสิวอักเสบ พออายุ 40 ขึ้นไป สิวจะไม่ขึ้นอีกต่อไป